การผ่าตัดภาวะท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติ ในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

ภาวะไฮโปสปาเดียสเป็นภาวะแต่กำเนิดที่ท่อปัสสาวะ (ท่อที่นำปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะออกสู่ภายนอกร่างกาย) อยู่บริเวณใต้องคชาตแทนที่จะอยู่บริเวณปลายองคชาต ภาวะนี้เกิดขึ้นในช่วงพัฒนาการของทารกในครรภ์ เมื่อท่อปัสสาวะไม่สามารถปิดสนิทได้ ส่งผลให้ท่อปัสสาวะอาจอยู่บริเวณใดก็ได้ใต้องคชาต ตั้งแต่ปลายองคชาตไปจนถึงโคน แทนที่จะอยู่บริเวณปลายองคชาตตามปกติ

ภาพที่ 1 แสดงการแยกความแตกต่างของ ภาวะท่อปัสสาวะเปิดต่ำกว่าปกติ และ ภาวะท่อปัสสาวะเปิดสูงกว่าปกติ

ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับไฮโปสปาเดีย:

• ความรุนแรง:

ภาวะไฮโปสปาเดียสอาจมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน ตั้งแต่กรณีที่ไม่รุนแรง ซึ่งช่องเปิดของท่อปัสสาวะอยู่ใกล้กับปลายองคชาต ไปจนถึงกรณีที่รุนแรงกว่า ซึ่งช่องเปิดจะอยู่ใกล้กับฐานขององคชาตหรือแม้กระทั่งที่ถุงอัณฑะ

• อาการ:

อาการหลักของภาวะไฮโปสปาเดียสคือตำแหน่งผิดปกติของช่องเปิดท่อปัสสาวะบริเวณใต้องคชาต อาการอื่นๆ อาจรวมถึงองคชาตคด (chordee) ปัสสาวะพลุ่งพล่านขณะปัสสาวะ และปัสสาวะลำบาก

• การวินิจฉัย:

โดยทั่วไปแล้ว ภาวะไฮโปสปาเดียสจะได้รับการวินิจฉัยในช่วงสั้นๆ หลังคลอดระหว่างการตรวจร่างกายโดยผู้ให้บริการด้านการแพทย์ การทดสอบทางภาพ เช่น อัลตราซาวนด์ อาจใช้เพื่อประเมินกายวิภาคของทางเดินปัสสาวะและกำหนดขอบเขตของอาการ

• การรักษา:

การรักษาภาวะไฮโปสปาเดียมักเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดเพื่อปรับตำแหน่งของช่องเปิดท่อปัสสาวะให้ตรงกับปลายองคชาตและแก้ไขความโค้งขององคชาตที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลาของการผ่าตัดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความรุนแรงของอาการและความผิดปกติอื่นๆ ของอวัยวะเพศ โดยทั่วไปการผ่าตัดจะทำในช่วงวัยทารกหรือวัยเด็กตอนต้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนให้น้อยที่สุด

• ภาวะแทรกซ้อน :

ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดซ่อมแซมไฮโปสปาเดียสอาจรวมถึงเลือดออก การติดเชื้อ การเกิดฟิสทูล่า (การเชื่อมต่อที่ผิดปกติระหว่างท่อปัสสาวะและเนื้อเยื่อโดยรอบ) การตีบแคบของท่อปัสสาวะ และปัญหาความงามหรือการทำงาน การติดตามอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการด้านการแพทย์มีความสำคัญเพื่อติดตามภาวะแทรกซ้อนและรับรองผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โรงพยาบาลกมลมีความยินดีที่จะให้บริการภาวะไฮโปสปาเดีย ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถรักษาได้ และผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจด้วยการผ่าตัดที่ทันท่วงที ผู้ปกครองของเด็กที่เป็นภาวะไฮโปสปาเดียควรปรึกษาหารือกับแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะเด็กหรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ในการจัดการภาวะนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาและวางแผนการดูแลเฉพาะบุคคล