นอกจากการผ่าตัดดึงหน้าเพื่อแก้ไขใบหน้าที่หย่อนคล้อย การผ่าตัดดึงหน้าผากยังช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก รอยตีนกา (Crow feet) และผิวหนังที่หย่อนคล้อยบนใบหน้าส่วนบนให้เต่งตึงและสดใสขึ้นอีกครั้ง ด้วยการศัลยกรรมดึงหน้าผากให้กว้างขึ้น บางครั้งอาจจะมีการคลายกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากที่เป็นร่องลึก ๆ ให้ตื้นขึ้น พร้อมเสริมเนื้อเยื่อเติมเต็มร่องลึก ๆ ให้ตื้นขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันมีวิธีการผ่าตัดที่รวดเร็วและปลอดภัย ทำให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์ มีผิวพรรณสดใส และมั่นใจได้อีกครั้ง
เทคนิคการทำศัลยกรรมดึงหน้าผาก (Forehead lift)
สำหรับเทคนิคการทำศัลยกรรมดึงหน้าผากนี้ ศัลยแพทย์จะทำการพิจารณาว่าวิธีการผ่าตัดแบบไหนที่เหมาะสมสำหรับคุณมากที่สุด ดังนี้
1. ศัลยกรรมดึงหน้าผากแบบดั้งเดิม (Traditional forehead lift)
เป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบดั้งเดิม ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลในตำแหน่งที่ใส่ที่คาดผม ดังรูปที่ 1 จากนั้นเปิดเลาะหนังศีรษะแล้วดึงให้ตึง ตัดเอาหนังส่วนเกินออก และเย็บปิดแผล สามารถผ่าตัดคลายกล้ามเนื้อบริเวณระหว่างคิ้วที่ย่นจากการขมวดคิ้ว และสามารถผ่าตัดคลายเส้นร่องลึกที่ขนานกับหน้าผากให้ผลดีกว่า คงทนถาวรกว่าการฉีด Botulinum toxin ผลการผ่าตัดทำให้หน้าผากกว้างขึ้น คิ้วโก่งเป็นรูปทรงสูงขึ้น ร่องรอยย่นหว่างคิ้วและหน้าผากหายไป หรือดีขึ้น
การผ่าตัดใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ภายใต้การดมยาสลบ นอนโรงพยาบาล 1 คืน
2. ศัลยกรรมดึงหน้าผากโดยใช้กล้อง (Endoscopic forehead lift)
เป็นการผ่าตัดที่มีแผลน้อย เปิดแผล 4 จุดดังรูป ที่ 2เพื่อใส่กล้องเข้าไปดู พร้อมอุปกรณ์ที่จะตัดคลายกล้ามเนื้อ เพื่อทำให้รอยย่นบริเวณหน้าผากและหว่างคิ้วดีขึ้น ทำให้คิ้วโก่ง รูปทรงสวยขึ้น หน้าผากกว้างขึ้น การผ่าตัดดึงหน้าผากด้วยกล้องมีข้อดี คือ ไม่มีแผลเป็น ลดปัญหาการชา บริเวณศีรษะเพราะแผลน้อย แต่มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้กล้องหรืออุปกรณ์พิเศษช่วยผ่าตัดแต่แผลเป็นน้อยกว่ามาก
การผ่าตัดใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ภายใต้การดมยาสลบ นอนโรงพยาบาล 1 คืน
ผู้ที่เหมาะกับการศัลยกรรมดึงหน้าผาก
- หน้าผากแคบ มีรอยย่นที่หว่างคิ้ว หรือร่องหน้าผาก
- ผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก
- สุขภาพร่างกายแข็งแรง
- มีความคาดหวังบนพื้นฐานของความเป็นจริง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงหน้าผาก
- ปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อให้มั่นใจว่าเหมาะสมที่จะทำศัลยกรรม ศึกษาผลการผ่าตัด และความเสี่ยงต่าง ๆ
- สระผมก่อนผ่าตัด ไม่ต้องใส่สเปรย์หรือสารเคมีใด ๆ
- ตรวจสุขภาพเบื้องต้น เนื่องจากเป็นการผ่าตัดด้วยยาชา จึงมีความเสี่ยงค่อนข้างน้อยกว่าการดมยาสลบ คนไข้ต้องไม่มีโรคใด ๆ ที่มีผลต่อการผ่าตัด
- หยุดยาสมุนไพรหรือวิตามินที่มีผลต่อการไหลของเลือด ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์
- หยุดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์
การดูแลแผลหลังผ่าตัดดึงหน้าผาก
- นอนหมอนสูง อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หลังผ่าตัด ช่วยให้ยุบบวมเร็วขึ้น
- อาการปวดหลังผ่าตัด รับประทานยาแก้ปวด หรือใช้น้ำแข็งประคบ
- ตัดไหม 7 วันหลังผ่าตัดดึงหน้าผาก
- ใช้ผ้ารัดหน้าช่วยยุบบวม 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- สระผมหลังผ่าตัด 2 วันเพื่อทำความสะอาดคราบเลือด
- พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
- งดการออกกำลังกาย 3-4 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดดึงหน้าผาก
อาการที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดดึงหน้าผาก ได้แก่
- อาการชาบริเวณแผลผ่าตัด
- แผลเป็น
- คิ้วอาจจะสูงไม่เท่ากัน
- เส้นประสาทอาจจะฉีกขาดได้ อาจจะทำให้คิ้วตกชั่วคราว
- เลือดคั่งบริเวณแผล
- เลือดออก
- ติดเชื้อบริเวณแผล ต้องทำแผลให้สะอาด
- การบวมช้ำ
- อาการที่เกิดจากการดมยาสลบ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มึนศีรษะ เบลอ ๆ
การพักฟื้นหลังการผ่าตัดดึงหน้าผาก
หลังผ่าตัดอาจมีอาการบวมช้ำและอาการชาประมาณ 1 สัปดาห์ ต้องใส่ผ้ารัดหน้าตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 3 วันแรกหลังผ่าตัด อาการบวมช้ำที่หน้าจะเริ่มดีขึ้น หลังผ่าตัดแล้ว 1 สัปดาห์ คนไข้สามารถกลับไปทำงานตามปกติหลังผ่าตัดแล้ว 1 สัปดาห์ สามารถออกกำลังกายหลังผ่าตัดแล้ว 4 สัปดาห์ จะเห็นผลการผ่าตัดที่ชัดเจนหลังผ่าตัดแล้ว 2-3 เดือน การยุบบวมต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน
รูปก่อนและหลังผ่าตัดดึงหน้าผาก ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล
ดูรูปก่อนและหลังดึงหน้าผากเพิ่มเติม
ทำไมต้องทำศัลยกรรมดึงหน้าผาก ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล
ใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่คนเห็น หญิงข้ามเพศที่มีใบหน้าเป็นเพศหญิงจะรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยจากการถูกคุกคามทางเพศ การผ่าตัดเปลี่ยนรูปหน้า ชายเป็นหญิง (FFS) เป็นหัตถการสำคัญที่ช่วยบำบัดความรู้สึกอึดอัดใจเนื่องมาจากความแตกต่างด้านอัตลักษณ์ทางเพศและการผ่าตัดแปลงเพศ การผ่าตัดเปลี่ยนรูปหน้า ชายเป็นหญิงช่วยให้รู้สึกสบายใจและปลอดภัยมากขึ้น การผ่าตัดเปลี่ยนรูปหน้า ชายเป็นหญิงเป็นการผ่าตัดหลายหัตถการเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างของใบหน้าให้ดูเป็นเพศหญิงมากขึ้น รวมถึงการปรับหน้าผาก การดึงแนวตีนผมด้วยการปลูกผม การเสริมหรือลดโหนกแก้ม การเสริมจมูก การลดคาง และการยกกระชับใบหน้า เพื่อกำจัดส่วนเกินบนใบหน้าด้วยการทุบกระดูกใบหน้า เรามีเทคนิคอันหลากหลายสำหรับแต่ละหัตถการ เพื่อให้เหมาะกับสรีระร่างกายและโครงสร้างทางชีวภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล
ศัลยกรรมใบหน้าเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ศิลปะมากที่สุด เราเชื่อว่าทุกคนมีความโดดเด่นของตัวเอง ทุกคนต้องการขั้นตอนการผ่าตัดที่แตกต่างกัน ทีมศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลจะวิเคราะห์ใบหน้าโดยรวมและองค์ประกอบต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น หน้าผาก คิ้ว ตา โหนกแก้ม จมูก คาง กราม ฯลฯ โดยคำนึงถึงสุนทรียศาสตร์ ทีมศัลยแพทย์จะวาดภาพประกอบอย่างมีศิลปะเพื่อวางแผนการผ่าตัด โดยคำนึงถึงสัดส่วน มุม และความเป็นหญิงสำหรับแต่ละองค์ประกอบของใบหน้า เพื่อให้คนไข้มีรูปลักษณ์ที่ดูกลมกลืนและมีเสน่ห์ คนไข้จึงพอใจกับผลการรักษา การผ่าตัดปรับรูปหน้า ชายเป็นหญิงของโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลจึงได้รับการยอมรับว่ามีใบหน้าดูเป็นเพศหญิงที่กลมกลืนและมีเสน่ห์ ดังนั้น การผ่าตัดปรับรูปหน้า ชายเป็นหญิง จึงได้รับความนิยมจากหญิงข้ามเพศในลำดับต้นด้านการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมความงามบนใบหน้า
โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลภาคภูมิใจที่มีทีมศัลยแพทย์เปี่ยมด้วยความสามารถและประสบการณ์มากที่สุดในโลก นายแพทย์กมล พันธ์ศรีทุม เคยผ่าตัดปรับรูปหน้า ชายเป็นหญิง มามากกว่า 10,000 ราย ทีมศัลยแพทย์ตกแต่งมืออาชีพ ศัลยแพทย์ช่องปากและใบหน้า ทันตแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ที่มีความชำนาญสูงและนักออกแบบศิลปะจะทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างและปรับแต่งใบหน้าให้เป็นหญิงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้
โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับการผ่าตัดแปลงเพศด้วยผลการรักษาที่ดีอย่างต่อเนื่องและความพึงพอใจของคนไข้ เรามีโรงพยาบาลขนาดใหญ่และทันสมัยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก JCI (Joint Commission International) ซึ่งเป็นองค์กรด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีชื่อเสียง การบริการทุกประเภทของโรงพยาบาลได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้คนไข้มีความปลอดภัย ความมั่นคง และความเป็นส่วนตัว