การผ่าตัดสร้างช่องคลอดใหม่ในผู้หญิงที่ไม่มีช่องคลอด

การผ่าตัดสร้างช่องคลอดใหม่ในผู้หญิงที่ไม่มีช่องคลอด(Female vaginal reconstruction) 

 

       ผ่าตัดสร้างช่องคลอดใหม่ในผู้หญิงที่ไม่มีช่องคลอด สามารถผ่าตัดแก้ไขได้ โดยอาจจะผ่าตัดสร้างช่องคลอดใหม่ในผู้หญิงที่ไม่มีช่องคลอดแต่กำเนิด  การที่คนเราเกิดมาเป็นเพศหญิงแล้ว ไม่ได้บ่งบอกว่า สตรีท่านนั้นจะมี มดลูก รังไข่ ช่องตลอด ปากมดลูก ครบสมบูรณ์ มีการพัฒนาการเติบโตตามวัย เพื่อรองรับการสืบพันธุ์ และการมีบุตรได้ แต่ในผู้หญิงบางท่าน ไม่สามารถมีอวัยวะดังกล่าวครบสมบูรณ์ จึงต้องเข้ารับการแก้ไข เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ภาพที่ 1 แสดงระบบสืบพันธ์ุเพศหญิง

 

สาเหตุที่ผู้หญิง ไม่มีช่องคลอด:

 • เป็นความผิดปกติแต่กำเนิด : บางคนเกิดมาพร้อมกับภาวะของโรค เช่น Mayer-Rokitansky-Küster-Hauser (MRKH) syndrome ซึ่งช่องคลอดไม่เติบโตพัฒนาตามวัยหรือไม่มีเลย
 • บาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ: ในกรณีที่ช่องคลอดได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บ การผ่าตัดสร้างใหม่อาจจำเป็น
 • ภาวะโรคบางชนิด: เช่น มะเร็งหรือการหย่อนยานของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน อาจต้องมีการตัดเอาส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของช่องคลอดออก

เทคนิคการผ่าตัดสร้างช่องคลอดใหม่ที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล

มีเทคนิคการผ่าตัดหลายแบบที่ใช้ในการสร้างช่องคลอดใหม่ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของผู้ป่วยในแต่ละท่าน มีดังนี้

1. การสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ทำเป็นผนังช่องคลอด (Colon Vaginoplasty Technique)

       การสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ทำเป็นผนังช่องคลอด (Colon Vaginoplasty Technique) ลำไส้ใหญ่จะมีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ          (Self-lubricant) หรือเป็นการผ่าตัดเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีช่องคลอด หรือช่องคลอดเล็กตีบตันในผู้หญิง  โดยนำลำไส้ใหญ่บางส่วน ประมาณ 6-7 นิ้ว มา สร้างเป็นผนังช่องคลอด โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลมีเทคนิคในการนำลำไส้ใหญ่มาเป็นผนังช่องคลอด 2 เทคนิค ได้แก่

           1.1 แบบเปิดแผลหน้าท้อง (Open Colon Vaginoplasty Technique) จะมีรอยแผลตามขอบบิกินี่ ด้านซ้ายของคนไข้ยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร ลำไส้ใหญ่ที่นำมาทำเป็นผนังช่องคลอด ยาวประมาณ 7-8 นิ้ว โดยลำไส้ที่ตัดออกมาจะมีเส้นเลือดและเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยงด้วย ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 7 ชั่วโมง

           1.2 แบบใช้กล้อง (Laparoscopic  Colon Vaginoplasty Technique) เทคนิคนี้เป็นเทคนิคใหม่ล่าสุดที่มีการนำลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอดโดยปราศจากแผลเป็นที่หน้าท้อง โดยใช้เครื่องมือพิเศษในการผ่าตัด สามารถตัดลำไส้มาทำเป็นผนังช่องคลอดได้ยาว 6-7 นิ้ว ไม่มีรอยแผลเป็น มีแต่รูเจาะผนังหน้าท้อง 4 รูเท่านั้น การผ่าตัดฟื้นตัวเร็วกว่าการเปิดแผลหน้าท้อง  การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง  

ข้อดี

1. มีน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดตลอดเวลา

2. กำหนดความลึกของช่องคลอดได้

ข้อเสีย

1.อาจเกิดแผลเป็นยาวประมาณ 7 -10 เซนติเมตร เหนือหัวหน่าวด้านซ้าย

2.การผ่าตัดมีความยุ่งยากซับซ้อนต้องมีการเตรียมการผ่าตัดเอาส่วนของลำไส้ใหญ่ออกมา โดยต้องมีการสวนล้างลำไส้ใหญ่ให้สะอาดก่อนผ่าตัด 1 วัน

3.ผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจจะมีอาการท้องอืด 2 – 3 วัน หลังการผ่าตัด

4.การผ่าตัดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอดไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักมาก  หรือมีหน้าท้องหนา ค่า BMI  ไม่ควรเกิน 27

5.ไม่สามารถผ่าตัดกับผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Chronic Colitis) หรือ  Crohn's disease

2. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผนังหน้าท้อง (Peritoneal Vaginoplasty) 

         การสร้างช่องคลอดโดยใช้ผนังหน้าท้อง ( Peritoneal) ดึงลงมาต่อกับปากมดลูก เพื่อสร้างช่องคลอดขึ้นมาใหม่ การผ่าตัดเอาผนังหน้าท้องด้านในออกมา มี 2 วิธี คือ

          2.1 การผ่าตัดด้วยกล้อง (Laparoscope Method) จะนิยมมากกว่า เพราะไม่มีแผลเป็น

          2.2 การผ่าตัดด้วยการเปิดหน้าท้อง (Open Method)

ข้อดี

1.เทคนิคนี้ ที่ทำกันมานาน 50 ปีแล้ว หรือที่รู้จักในชื่อ Davydov Technique

2. ช่องคลอดจะมีน้ำหล่อลื่น และยืดหยุ่นเป็นธรรมชาติ

3.เป็นทางเลือกสำหรับคนไข้ที่ไม่สามารถผ่าตัดแปลงเพศแบบต่อลำไส้ เช่น คนที่มีประวัติเป็นโรค Cronh's disease หรือโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง

4.ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าแบบผ่าตัดด้วยลำไส้

 5.มีความเสี่ยงเรื่องการทำงานของลำไส้ผิดปกติน้อยกว่า เช่น ลำไส้ไม่เคลื่อนไหว


ข้อเสีย

1.คนไข้ที่เคยผ่าตัดหน้าท้อง มีแผลเป็นที่หน้าท้อง อาจจะไม่สามารถใช้เทคนิคนี้ได้

 2.คนไข้อาจมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย 2-3 วันหลังผ่าตัด

3.ไม่เหมาะกับคนที่น้ำหนักเยอะ หรือไขมันหน้าท้องหนา เพราะจะทำให้ผ่าตัดยาก

 4.มีความซับซ้อนในการผ่าตัดมากกว่าเทคนิคอื่น ระยะเวลาในการผ่าตัด 4-6 ชั่วโมง

 

การดูแลแผลหลังการผ่าตัดสร้างช่องคลอดในเพศหญิง

1. ในช่วง 3 วันแรก คนไข้ไม่สามารถกินและดื่มจนกว่าลำไส้จะทำงานตามปกติ ในช่วงนี้ คนไข้จะได้รับน้ำเกลือ และสารอาหาร คนไข้ต้องรับประทานอาหารอ่อน ที่ย่อยง่าย ในช่วงเดือนแรก คนไข้สามารถทำกิจกรรมเบา ๆ หลังผ่าตัดแล้ว 3 สัปดาห์ และใช้ชีวิต ตามปกติได้หลังผ่าตัดแล้ว 3 เดือน

2. คนที่เข้ารับการผ่าตัดด้วยเทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด จะงดน้ำและอาหารหลังการผ่าตัดจนกระทั่งมีอาการผายลมก่อน จึงจะเริ่มจิบน้ำ และรับประทานอาหารเหลวได้ ถ้ารับประทานอาหารเร็วเกินไป อาจเกิดอาการท้องอืด และอาหารไม่ย่อย ดังนั้น ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดด้วยเทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด

3. คนไข้สามารถถอดสายสวนปัสสาวะออก และกลับบ้านได้ 7 วันหลังผ่าตัด

4. คนไข้ต้องกลับมาพบแพทย์ เพื่อตัดไหมและขยายช่องคลอด โดยใช้ Dilator ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลจัดเตรียมให้ ควรหมั่นขยายช่องคลอดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 นาที เพื่อรักษาความกว้างและเพิ่มความลึกของช่องคลอดให้คงที่
5. คนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดต้องทำความสะอาดแผล และขยายช่องคลอดทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จนกว่าแผลภายนอกและภายในช่องคลอดจะหายสนิท
6. คนไข้ต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อย 2 เดือน
7. คนไข้ต้องมาพบแพทย์ตามนัดหมายทุก 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด จนครบ 1 เดือน เพื่อให้ผลการผ่าตัดสมบูรณ์ สวยงาม และใกล้เคียงธรรมชาติ

 

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

  • แผลบวม (Swelling)
  • มีรอยซ้ำ (Bruising)
  • มีเลือดคั่ง (Hematoma)
  • มีเลือดออก (Bleeding)
  • ติดเชื้อ (Infection)
  • ช่องคลอดทะลุเข้าลำไส้ (Recto-vaginal fistula)
  • แผลสมานตัวช้า (Poor healing)
  • เนื้อตาย (Flap necrosis)
  • ช่องคลอดตีบ หรือ ท่อปัสสาวะตีบ (Vaginal and Urethral stenosis)
  • ไม่พอใจในขนาด และรูปทรงของช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และคลิทอริส (Unsatisfied size or shape of vaginal urethral and clitoris)
  • ปวดแผล (Pain) อาจใช้ยาแก้ปวดได้
  • แคมอาจจะไม่เท่ากัน (Asymmetric Labia)
  • มีรอยแผลเป็น (Scarring)
  • มีความรู้สึกทางเพศลดลง (Decreased Sensation)
  • ผุ้ป่วยที่มีประวัติโรคเลือด อาจจะเกิด deep vein thrombosis ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อป้องกัน โดยใส่เครื่องมือไล่เลือดที่ขาตลอดเวลา อย่างน้อย 2-3 วัน
  • ความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการดมยาสลบ (Risk from anesthesia)

 

ทำไมโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการผ่าตัดสร้างช่องคลอดในเพศหญิง

  1. ความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง
 • โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล มีทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา มีประสบการณ์ในการทำการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง รวมถึงการสร้างช่องคลอดใหม่
 • ทีมศัลยแพทย์ตกแต่ง ของเราได้รับการฝึกฝนและมีความเข้าใจลึกซึ้งในความซับซ้อนทางสรีระร่างกาย ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดเหล่านี้
 2. การเพิ่มคุณภาพชีวิต
 • สำหรับผู้หญิง การมีช่องคลอดเป็นส่วนสำคัญของการรู้สึกของการเป็นผู้หญิงและการดำเนินชีวิตในสังคม ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิตโดยรวม
 4. การดูแลเอาใจใส่ ก่อนและหลังการผ่าตัด
  โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล ใส่ใจดูแลผู้ป่วยโดยให้การสนับสนุนและคำแนะนำในทุกขั้นตอนของการผ่าตัด
 • ตั้งแต่การปรึกษาก่อนการผ่าตัดไปจนถึงการดูแลหลังการผ่าตัดและการติดตามผลการผ่าตัด ทีมงานของเรามุ่งมั่นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและสร้างความพึงพอใจของผู้ป่วย
 5. ความมุ่งมั่นต่อความปลอดภัยและความเป็นเลิศ
 • ความปลอดภัยของผู้ป่วยและความเป็นเลิศในการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล
 6.เราปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ใช้เทคนิคการผ่าตัด และเทคโนโลยีที่ทันสมัย และให้ความสำคัญกับการศึกษาต่อเนื่องและให้การฝึกอบรมเพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างมีมาตรฐานสูงสุด

และได้รับการรับรองจากมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกที่แสดงให้เห็นว่าเป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงในการดูแล รักษาพยาบาล

           โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของโลกในด้านการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง และแปลงเพศมานานหลายทศวรรษ เพราะมีผลการผ่าตัดที่ดี โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และแปลงเพศที่ใหญ่ที่สุดและได้มาตรฐานระดับโลก  ได้รับการรับรองจากมาตรฐาน JCI (Joint Commission International)    การผ่าตัด สร้างช่องคลอดในเพศหญิงจึงเป็นเรื่องที่ ไม่ซับซ้อนเท่า การผ่าตัด แปลงเพศชายเป็นหญิง  ถ้าท่านมีปัญหาเรื่องการผ่าตัดสร้างช่องคลอดในเพศหญิง ติดต่อขอรับคำแนะนำได้ตลอดเวลา

Getting to know : Female Vaginal Reconstruction

การผ่าตัดสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ (Colon Vaginoplasty) สำหรับผู้ป่วย MRKH

การผ่าตัดสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Colovaginoplasty เป็นกระบวนการผ่าตัดที่ใช้ในการสร้างช่องคลอดสำหรับผู้ที่มีภาวะหรือสภาวะอื่นๆ ที่ช่องคลอดไม่พัฒนาเต็มที่หรือไม่มีเลย Mayer-Rokitansky-Küster-Hauser (MRKH)

การผ่าตัดสร้างช่องคลอดโดยใช้เยื่อบุช่องท้อง (Peritoneal Vaginoplasty) สำหรับผู้ป่วย MRKH

การผ่าตัดสร้างช่องคลอดโดยใช้เยื่อบุช่องท้อง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Peritoneal Pull-Through Vaginoplasty เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ใช้สร้างช่องคลอดใหม่ในผู้ที่มีภาวะ Mayer-Rokitansky-Küster-Hauser (MRKH) หรือสภาวะอื่นๆ ที่ช่องคลอดไม่พัฒนาเต็มที่หรือไม่มีเลย

โรค MRKH (Mayer-Rokitansky-Küster-Hauser Syndrome)

โรค MRKH ย่อมาจาก Mayer-Rokitansky-Küster-Hauser syndrome ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง ผู้ที่มีโรค MRKH จะเกิดมาพร้อมกับอวัยวะสืบพันธุ์ที่พัฒนาไม่สมบูรณ์หรือไม่มีเลย โดยเฉพาะมดลูกและส่วนบนของช่องคลอด

 

 
 
 
 

World-Class_Elite_Plastic_Surgeons

World-Class_Professional_Healthcare

World-Class_Services